รายงานสถิติการพนันออนไลน์ในไทย 2022 | 2565

รายงานสถิติการพนันออนไลน์ในไทย 2022 | 2565 ศูนย์ศึกษาการพนัน จฬุาลงกรณม์หาวิทยาลัย

รายงานสถิติประชากรที่เล่นพนันในไทย 2564 ล่าสุด

คนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เล่นการพนัน ในปี 2564 ถึงร้อยละ 59.6 คิดเป็นจำานวน ประชากรมากถึง 32.330 ล้านคน (อ้างอิง จากฐานข้อมูลระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในปี 2563 มีประชากรอายุ 15 ปีข้ึนไปจำานวน ทั้งสิ้น 54.287 ล้านคน) เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว 1.909 ล้านคน ในจำานวนนี้เป็น นักพนันหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มเล่นพนันครั้งแรก ในปี 2564 ถึง 0.795 ล้านคน
เมื่อพิจารณาแยกตามภูมิภาค ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือมีสัดส่วนคนเล่นการ พนันในปี 2564 อยู่ร้อยละ 62.9 ของ ประชากรในภูมิภาค คิดเป็นจำานวน 11.461 ล้านคน รองลงมาคือ กรุงเทพฯและปริ- มณฑล ร้อยละ 62.4 หรือประมาณ 4.889 ล้านคน ภาคใต้ ร้อยละ 58.7 หรือประมาณ 4.392 ล้านคน ภาคเหนือ ร้อยละ 57.3 หรือ ประมาณ 5.601 ล้านคน และภาคกลาง ร้อยละ 54.2 หรือประมาณ 5.957 ล้านคน อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบกับสัดส่วน คนเล่นพนันในปี 2562 ในแต่ละภูมิภาค พบว่า ในปี 2564 ภาคเหนือมีการขยายตัว ของกลุ่มประชากรที่เล่นพนันมากเป็น อันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ภาคใต้ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง

ประเภทการพนันที่คนไทยนิยมเล่นกัน ในปี 2564 ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักจาก เมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยผู้เล่นพนันสลากกินแบ่ง รัฐบาลมีมากเป็นอันดับหนึ่ง ที่ประมาณ 24.626 ล้านคน อันดับสองคือ หวยใต้ดิน มีอยู่ประมาณ 19.273 ล้านคน อันดับสาม คือ ไพ่พนันประเภทต่างๆ ประมาณ 4.476 ล้านคน ถัดมาคือ พนันทายผลฟุตบอล ไฮโล/โปปั่น/นำ้าเต้าปูปลา การพนันวัวชน/ ไก่ชน และหวยต่างประเทศ ซึ่งเป็นการพนัน ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในรอบ ปีนี้ (ดูตารางที่ 2)

ประมาณการจำนวนคนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป จำแนกตามประเภทการพนันที่เล่นในรอบปี 2564 (คนหนึ่งเล่นพนันได้มากกว่า 1 ประเภท)

ลำดับประเภทการพนันที่เล่นในรอบ 1 ปีทีผ่านมาจำนวนคนเล่น
1สลากกินแบ่งรัฐบาล24,626,233
2หวยใต้ดิน19,273,068
3ไพ่พนัน เช่น บาคาร่า ป๊อกเด้ง4,476,201
4พนันทายผลฟุตบอล3,830,594
5ไฮโล / โปปั่น/ น้ำต้ำปูปลา2,514,898
6วัวชน/ไก่ชน1,493,135
7หวยต่างประเทศ890,337
8หวยหุ้น555,815
9สล๊อตแมชชีน / ตู้ม้า / ตู้เกมพนัน555,168
10บิงโกพนัน494,938
11จับฉลากแบบเสียเงิน322,726
12มวยหรือมวยตู้285,012
13หวยยี่กี หวยปิงปอง186,712
14โต๊ะเกมพนัน เล่นพร้อมกันได้หลายคน เช่น ยิงปลา164,555
15กำถั่ว / ถั่วแยก78,236
16อีสปอร์ต72,702
17รูเล็ต68,065
18ทายผลอื่นที่ไม่ใช่กีฬา เช่น ผลการเลือกตั้ง61,696
19ม้าแข่ง37,175
20อื่น ๆ103,027

การขยายตัวของการพนันยังลงลึกไป ในทุกกลุ่มช่วงอายุ ในที่นี้เราจะพิจารณา จำาแนกออกเป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็ก อายุ 15 – 18 ปี กลุ่มเยาวชนอายุ 19 – 25 ปี และผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป กับกลุ่ม ประชากรวัยทำางานที่มีอายุในช่วง 26 – 59 ปี
‘เด็ก’ เป็นประชากรกลุ่มเส่ียงท่ีเปราะบาง ต่อปัญหาจากการพนันอย่างยิ่ง การศึกษา ในต่างประเทศบ่งชี้ว่า คนที่เล่นการพนัน ตั้งแต่อายุยังน้อยมีแนวโน้มโตขึ้นเป็นนักพนัน ที่มีปัญหามากกว่ากลุ่มอื่นๆ เรื่องที่น่ากังวล ก็คือ เกือบ 1 ใน 3 ของเด็กไทยอายุ 15-18 ปี ระบุว่าเล่นการพนันในปี 2564 (ร้อยละ 29.5 ของคนในวัยเดียวกัน) หรือคิดเป็น จำานวน 0.843 ล้านคน เพิ่มจากปี 2562 ประมาณหนึ่งแสนคน (ตอนนั้นมีสัดส่วน เด็กไทยที่เล่นพนันอยู่ประมาณ 1 ใน 5) การพนันที่เด็กนิยมเล่นคือ หวยใต้ดิน (0.392 ล้านคน) สลากกินแบ่งรัฐบาล (0.342 ล้านคน) พนันไพ่ (0.295 ล้านคน) และ พนันทายผลฟุตบอล (0.228 ล้านคน) ตาม ลำาดับ โดยมีประมาณการวงเงินหมุนเวียน ที่เด็กไทยใช้เล่นการพนันในปีนี้อยู่ท่ี 29,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 2 เท่าตัวจาก เมื่อ 2 ปีที่แล้ว (เพิ่มขึ้นร้อยละ 185.8 หรือ ประมาณ 18,955 ล้านบาท)

ยังนับว่าเป็นกลุ่มเส่ียง ด้วยอยู่ในช่วงวัย ที่ชอบความแปลกใหม่ ชอบเรื่องตื่นเต้น เร้าใจ อิทธิพลของเพื่อนที่มีมากขึ้น มีความ เชื่อมั่นในตัวเองสูงขึ้น แสวงหาการตัดสินใจ เลือกทำากิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเอง ผนวก กับการอยู่ท่ามกลางสื่อแวดล้อมในปัจจุบัน ยิ่งทำาให้เยาวชนไทยเสี่ยงต่อการถูกชักจูง และกระตุ้นให้เข้าสู่วงจรการพนัน เรื่องที่ น่าตกใจก็คือ เกินกว่าครึ่งหนึ่งของเยาวชน อายุ 19 – 25 ปี ระบุว่าตนเล่นการพนันในปี 2564 (ร้อยละ 54.6 ของคนในวัยเดียวกัน) หรือคิดเป็นจำานวน 3.492 ล้านคน เพิ่มขึ้น จากปี 2562 ประมาณสี่แสนคน (ขณะนั้น สัดส่วนเยาวชนที่เล่นพนันอยู่ที่ร้อยละ 46.3) การพนันที่เยาวชนนิยมเล่น ได้แก่ สลาก กินแบ่งรัฐบาล (2.239 ล้านคน) หวยใต้ดิน (1.617 ล้านคน) พนันไพ่ (0.936 ล้านคน) และพนันทายผลฟุตบอล (0.740 ล้านคน) ตามลำาดับ โดยมีประมาณการวงเงินที่ใช้ เล่นพนันอยู่ท่ี 93,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปี 2562 ถึงร้อยละ 58.5 (เพิ่มขึ้นประมาณ 34,444 ล้านบาท)
‘ผู้สูงวัย’ มักถูกละเลยจากความสนใจของ สังคม แต่กลับได้รับความสนใจจากธุรกิจ การพนัน คนในช่วงวัยเกษียณมีเวลาว่าง มากขึ้น อาจทำาให้เกิดความเหงาหรือความ เบื่อหน่าย เสี่ยงที่จะถูกชักจูงให้ถลำาตัวเข้าการพนัน ช่วงชีวิตบั้นปลายที่ต้องอาศัย เงินเก็บที่สะสมมาจากการทำางาน หากเกิด ปัญหาจากการพนัน ย่อมส่งผลกระทบ ร้ายแรงแก่ผู้สูงวัยและคนในครอบครัว ผล การสำารวจพบผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ถึงร้อยละ 46.4 เล่นการพนันในปี 2564 หรือคิดเป็นจำานวน 4.048 ล้านคน เพิ่ม จากปี 2562 เกือบเจ็ดแสนคน การพนันท่ ผู้สูงวัยนิยมเล่น ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล (2.960 ล้านคน) หวยใต้ดิน (2.297 ล้านคน)

พนันไพ่ (0.230 ล้านคน) และไฮโล/โปปั่น/ นำ้าเต้าปูปลา (0.229 ล้านคน) ตามลำาดับ อย่างไรก็ดี สวนทางกับจำานวนนักพนันสูงวัย ที่เพิ่มขึ้น วงเงินที่คนกลุ่มนี้ใช้เล่นพนันกลับ ลดลงไปจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วประมาณร้อยละ 20.3 มาอยู่ที่จำานวน 45,480 ล้านบาท ในปี 2564
สำาหรับประชากรวัยทำางาน ตั้งแต่ช่วงอายุ 26 ไปจนถึง 59 ปี พบว่า ผู้เล่นการพนัน มีจำานวนมากขึ้นตามช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น กล่าว คือ มีคนไทยอายุ 26-29 ปี เล่นการพนัน ประมาณ 3.081 ล้านคน และก้าวกระโดด ไปเป็น 6.489 ล้านคนในกลุ่มอายุ 30 – 39 ปี จากนั้นก็เพิ่มขึ้นไปอยู่ท่ี 6.941 ล้านคน ในกลุ่มอายุ 40-49 ปี และสูงที่สุดในกลุ่ม อายุ 50 – 59 ปี ที่ 7.444 ล้านคน อย่างไร ก็ดี จำานวนคนวัยทำางานท่ีเล่นการพนันใน ปีนี้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2562 ประเภทการพนันที่คนกลุ่มนี้เล่น สองอันดับ แรกคือ สลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน ส่วนอันดับที่สามมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ในกลุ่มวัยทำางานตอนต้น (อายุ 26 – 39) นิยมเล่นพนันทายผลฟุตบอล ขณะท่ีกลุ่ม วัยทำางานตอนกลางและตอนปลาย (อายุ 40 – 59) นิยมเล่นไพ่พนัน

สถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล

สลากกินแบ่งรัฐบาลยังคงเป็นการพนัน ยอดนิยมอันดับหน่ึงของคนไทย แม้ว่าการ แพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ทำาให้ สำานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลงดออกสลาก 3 งวด แต่คนที่เล่นพนันสลากฯยังคงขยาย ตัวจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วถึงร้อยละ 8.3 หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 1.877 ล้านคน ในจำานวนน้ี เป็นนักพนันหน้าใหม่ท่ีเร่ิมซ้ือสลากฯเป็น ครั้งแรกประมาณ 0.392 ล้านคน ทำาให้ใน ปี 2564 คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปที่เล่นพนัน สลากกินแบ่งรัฐบาลมีจำานวนมากถึง 24.626 ล้านคน เมื่อพิจารณาตามโครงสร้างประชากร พบว่า ผู้หญิงเล่นพนันสลากฯมากกว่าผู้ชาย เล็กน้อย (12.686 ล้านคน และ 11.941 ล้าน คน) หากจำาแนกตามช่วงวัย คนวัยทำางาน ในช่วงอายุ 26 – 59 ปี ถือเป็นนักพนันสลากฯ กลุ่มใหญ่ท่ีสุด (รวม 19.085 ล้านคน) และ จะเล่นพนันสลากฯเพิ่มขึ้นตามช่วงอาย หรืออาจกล่าวได้ว่า ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งนิยม เล่นพนันสลากฯมากขึ้น (อายุ 26 – 29 ปี เล่นพนันสลากฯ 2.275 ล้านคน อายุ 30 – 39 ปี 5.205 ล้านคน อายุ 40 – 49 ปี 5.596 ล้านคน และอายุ 50 – 59 ปี 6.009 ล้านคน) ขณะที่กลุ่มผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป เล่นพนัน สลากฯประมาณ 2.960 ล้านคน เยาวชนอายุ 19 – 25 ปี มีจำานวน 2.239 ล้านคน และ เด็กอายุ 15 – 18 ปี มีจำานวน 0.342 ล้านคน อย่างไรก็ดี เมื่อดูการขยายตัวโดยจำาแนก ตามโครงสร้างอายุ กลับพบการขยายตัว ของนักพนันสลากฯมากที่สุดในประชากรกลุ่ม เส่ียงทุกกลุ่ม อันดับหน่ึงคือ กลุ่มเด็กอายุ 15 – 18 ปี เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27.5 เมื่อเทียบ กับปี 2562 รองลงมาคือ กลุ่มผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 และกลุ่ม เยาวชนอายุ 19 – 25 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 ขณะที่คนวัยทำางานในช่วงอายุ 26-59 ปี มีอัตราการเล่นพนันสลากฯเพิ่มขึ้นเฉลี่ย ที่ร้อยละ 7 ยิ่งไปกว่านั้น แม้กฎหมายจะ กำาหนดห้ามเด็กอายุตำ่ากว่า 20 ปี ซื้อสลาก กินแบ่งรัฐบาล แต่การสำารวจพบเยาวชน อายุตำ่ากว่า 20 ปี ประมาณ 7 แสนคน เล่นพนันสลากฯ ซึ่งเป็นจำานวนที่มากกว่า เมื่อสองปีที่แล้วเกือบ 3 แสนคน
นอกจากน้ี สัดส่วนคนเล่นพนันสลากฯ ยังเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค แต่ในภาพรวม ลำาดับความนิยมในแต่ละพ้ืนที่ยังเหมือนเดิม โดยคนกรุงเทพฯและปริมณฑลเล่นพนัน สลากฯมากเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ร้อยละ 55.8 ของประชากรในภูมิภาค (ประมาณ 4.375 ล้านคน) รองลงมาคือ ภาคเหนือ ร้อยละ 45.9 (4.490 ล้านคน) ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ท่ีแม้จะมีจำานวนนักพนันสลากฯ มากที่สุด (8.119 ล้านคน) แต่มีสัดส่วน คนซ้ือสลากฯเป็นอันดับสามท่ีร้อยละ 44.6 ตามด้วย ภาคกลาง ร้อยละ 44 (4.838)

และภาคใต้ ร้อยละ 38.7 (2.896 ล้านคน)
การที่สำานักงานสลากฯงดออกรางวัล 3 งวด ไม่ค่อยส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมการเล่นพนันสลากฯมากนัก เพราะนักพนันสลากฯส่วนใหญ่ (ร้อยละ 97.8) ระบุว่า ตนแค่เพียงหยุดซื้อสลากฯ ในงวดที่งดออกรางวัล และไม่ได้หันไปเล่น หวยประเภทอื่นเพื่อทดแทนสลากกินแบ่ง รัฐบาล นอกจากน้ี การหยุดซื้อสลากฯ ก็ไม่ได้ทำาให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด (มีเพียงร้อยละ 4.2 ที่รู้สึกหงุดหงิด) ขณะ เดียวกัน เมื่อให้เปรียบเทียบกับช่วงปีก่อน ที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นักพนันสลากฯครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50.1) ระบุ ว่าในปี 2564 ตนเล่นพนันสลากฯน้อยลง ขณะที่อีกเกือบครึ่งหนึ่งระบุว่าเล่นเท่าเดิม (ร้อยละ 49) มีน้อยมากที่ระบุว่าตนเล่นพนัน สลากฯมากขึ้น
เมื่อเป็นเช่นน้ี หมายความว่า คนไทย เล่นพนันสลากฯน้อยลงใช่หรือไม่? คำาตอบ ก็คือ ท้ังใช่และไม่ใช่ กล่าวคือ คนไทยซื้อ สลากน้อยงวดลงก็จริง แต่กลับซื้อในแต่ละ งวดหนักข้ึน โดยในปี 2564 คนไทยซ้ือ สลากฯเฉลี่ย 16 งวดต่อปี และคนที่ระบุว่า ซื้อสลากฯทุกงวดมีสัดส่วนลดลง อย่างไรก็ดี

คนไทยกลับใช้เงินซื้อสลากฯเฉลี่ย 330 บาท ต่องวด และหากงวดใดซื้อหนักเป็นพิเศษ จะซื้อสูงสุดโดยเฉลี่ยประมาณ 575 บาท ต่องวด ทั้ง 2 กรณีถือว่าเป็นจำานวนเงิน ที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2562
พฤติกรรมซื้อน้อยงวดลง แต่ซื้อต่องวด หนักขึ้น จึงทำาให้ประมาณการวงเงิน หมุนเวียนรวมในตลาดการพนันสลาก กินแบ่งรัฐบาลลดลงเล็กน้อยจากเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว (ลดลงร้อยละ 7) มาอยู่ที่จำานวน 139,977 ล้านบาทในปี 2564 แต่วงเงิน หมุนเวียนเฉลี่ยต่องวดกลับสูงขึ้นมาอยู่ท่ งวดละ 66,650 ล้านบาท (เงินหมุนเวียน เฉลี่ยในปี 2562 อยู่ท่ีงวดละ 62,700 ล้านบาท)

หวยใต้ดิน

หวยใต้ดินเป็นการพนันยอดนิยมอันดับ สอง รองจากสลากกินแบ่งรัฐบาล และแทบ จะเรียกได้ว่าเป็นการพนันที่ดำาเนินคู่ขนาน กัน เนื่องด้วยคนที่เล่นพนันหวยใต้ดิน ร้อยละ 72.9 เล่นพนันสลากฯควบคู่กันไป ทำาให้ลักษณะการเปลี่ยนแปลงในรอบ 2 ปี ของการพนันสองประเภทนี้คล้ายกันอยู่มาก กล่าวคือ จำานวนผู้เล่นมีการขยายตัวและ วงเงินหมุนเวียนรวมหดตัวเล็กน้อยจากการ งดออกรางวัลอยู่ช่วงหนึ่งของสำานักงาน สลากฯ แต่คนกลับเล่นพนันต่องวดหนักมือ ขึ้น นอกจากน้ี นักพนันส่วนหนึ่งยังอาศัย ช่องทางสื่อสารสมัยใหม่และช่องทางออนไลน์ อื่นๆ ประกอบการเล่นพนันอีกด้วย
ในภาพรวม จำานวนนักพนันหวยใต้ดิน ขยายตัวร้อยละ 8.7 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1.536 ล้านคน โดยเป็นนักพนันหน้าใหม่ท่ี เพิ่งเล่นหวยใต้ดินเป็นครั้งแรกอยู่ราว 0.333 ล้านคน ทำาให้โดยรวมมีคนไทยอายุ 15 ปี ข้ึนไป เล่นหวยใต้ดินในปี 2564 ประมาณ 19.273 ล้านคน ในจำานวนนี้เป็นผู้หญิง มากกว่าผู้ชาย (10.042 ล้านคน และ 9.231 ล้านคน) แต่การขยายตัวของนักพนัน เพศชายกลับสูงขึ้นมากกว่าเพศหญิงพอสมควร (เพศชายเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 เพศหญิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5)
คนวัยทำางานอายุ 26-59 ปี เป็นคน กลุ่มใหญ่ที่เล่นพนันหวยใต้ดิน (รวมกัน 14.968 ล้านคน) และความนิยมเล่น หวยใต้ดินก็เพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ (อายุ 26 – 29 ปี เล่นพนันหวยใต้ดิน 1.820 ล้าน คน อายุ 30 – 39 ปี 3.990 ล้านคน อายุ 40 – 49 ปี 4.352 ล้านคน และอายุ 50 – 59 ปี 4.805 ล้านคน) รองลงมาคือ กลุ่มผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 2.297 ล้านคน ตามด้วย เยาวชนอาย 19 – 25 ปี ประมาณ 1.617 ล้านคน และ เด็กอายุ 15 – 18 ปี ประมาณ 0.392 ล้านคน อย่างไรก็ดี หากพิจารณาการขยายตัว ของจำานวนนักพนันหวยใต้ดินโดยจำาแนก ตามช่วงวัย พบว่า กลุ่มคนวัยทำางาน ตอนต้น ช่วงอายุ 26 – 29 ปี มีอัตราการ ขยายตัวสูงที่สุด คือเพ่ิมขึ้นร้อยละ 24 เมื่อ เทียบกับนักพนันหวยใต้ดินช่วงวัยเดียวกัน เมื่อ 2 ปีก่อน รองมาคือ กลุ่มเด็กอายุ 15 – 18 ปี เล่นหวยใต้ดินเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.8 ผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.1 และกลุ่มเยาวชนอายุ 19 – 25 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 ในขณะที่คนวัยทำางาน กลุ่มอื่นๆ เพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยเพียงร้อยละ 5.2 เท่านั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า หวยใต้ดิน กำลังขยายตัวมากขึ้นในกลุ่มคนที่เริ่มวัย ทำงานและในกลุ่มเสี่ยงทั้ง 3 กลุ่ม

ช่องทางหลักในการเล่นหวยใต้ดินยังคง เป็นการเล่นกับคนรับแทง/คนเดินโพย (ร้อยละ 88) มีส่วนหนึ่งเล่นกับเจ้ามือ โดยตรง (ร้อยละ 22.3) นอกจากน้ี บางส่วน เล่นผ่านไลน์/แอพแชทต่างๆ (ร้อยละ4.3) และเล่นโดยตรงกับเว็บพนัน/แอพพนัน (ร้อยละ 2.4) รวมไปถึงเล่นผ่านทางเฟซบุ๊ก/ โซเชียลมีเดียต่างๆ (ร้อยละ 0.4) โดย คนหนึ่งสามารถเล่นได้มากกว่าหนึ่งช่องทาง
สำาหรับพฤติกรรมการเล่นหวยใต้ดิน พิจารณาตามช่องทางที่เล่นออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่เล่นกับคน (เล่นกับเจ้ามือ โดยตรงหรือกับคนรับแทง/คนเดินโพย) กลุ่มที่เล่นผ่านช่องทางสื่อสาร (ไลน์ เฟซบุ๊ก แอพแชท หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ และ กลุ่มที่เล่นแบบออนไลน์ (เล่นโดยตรงกับ เว็บไซต์/แอพพนัน)
ในแง่ความถี่ในการเล่น นักพนันหวย ใต้ดินได้รับผลกระทบจากการงดออกสลากฯ 3 งวด ทำาให้โดยภาพรวมคนไทยเล่นหวย ใต้ดินด้วยความถี่ที่น้อยกว่าปี 2562 (ตอนนั้น เล่นเฉลี่ย 19 งวดต่อปี) อย่างไรก็ดี

พิจารณาแยกตามช่องทางที่เล่นพบว่า กลุ่ม ที่เล่นแบบออนไลน์มีความถี่ในการเล่นสูงกว่า กลุ่มอื่นๆ คือเล่นเฉลี่ย 19 งวดต่อปี ขณะท่ี กลุ่มที่เล่นกับคน เล่นเฉลี่ย 16 งวดต่อปี และกลุ่มท่ีเล่นผ่านช่องทางส่ือสาร เล่นเฉล่ีย 13 งวดต่อปี
เมื่อพิจารณาในแง่จำานวนเงินที่ใช้เล่น พบว่า ทุกกลุ่ม ทุกช่องทางการเล่นหวย ใต้ดิน ใช้เงินพนันสูงขึ้นมากกว่า 2 ปีที่แล้ว (ตอนนั้นเงินพนันเฉลี่ย 405 บาทต่องวด) โดยกลุ่มที่เล่นหวยใต้ดินผ่านช่องทางสื่อสาร สมัยใหม่ใช้เงินพนันมากที่สุด เฉลี่ย 573 ต่องวด หากงวดไหนเล่นหนักจะใช้เงินพนัน สูงสุดเฉลี่ย 899 บาทต่องวดเลยทีเดียว รอง ลงมาคือกลุ่มที่เล่นแบบออนไลน์ มีเงินพนัน เฉลี่ย 538 บาทต่องวด งวดที่เล่นหนักจะใช้ เงินสูงสุดเฉลี่ย 792 บาทต่องวด ส่วนกลุ่มท่ี เล่นกับคน ใช้เงินพนันเฉลี่ยน้อยที่สุดท่ี 442 บาทต่องวด โดยจะใช้เงินสูงสุดเฉลี่ย 776 บาทต่องวด ในงวดที่เล่นหนัก
เมื่อนำาข้อมูลที่ได้มาคำานวณวงเงินหมุน- เวียนในตลาดหวยใต้ดินของปี 2564 พบว่ากลุ่มที่เล่นผ่านเจ้ามือหรือคนรับแทง/ คนเดินโพยมีวงเงินหมุนเวียนมากท่ีสุด ประมาณ 137,920 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มท่ี เล่นผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก แอพแชท ฯลฯ มีวงเงินพนัน 7,163 ล้าน บาท และกลุ่มที่เล่นแบบออนไลน์ผ่านเว็บ หรือแอพพนัน มีวงเงินรวมกันที่ 4,836 ล้าน บาท (โดยกลุ่มที่เล่นผ่านช่องทางออนไลน 2 กลุ่มหลัง กินส่วนแบ่งร้อยละ 8 ของ ตลาดพนันหวยใต้ดินทั้งหมด) ทั้งนี้ วงเงิน หมุนเวียนรวมของตลาดหวยใต้ดินลดลง จากปี 2562 เล็กน้อย (ลดลงร้อยละ 2.1) มาอยู่ที่ 149,919 ล้านบาท อย่างไรก็ดี วงเงินหมุนเวียนเฉลี่ยต่องวดกลับเพิ่มขึ้น เป็นงวดละ 71,390 ล้านบาท (เงินหมุนเวียน เฉลี่ยในปี 2562 งวดละ 63,810 ล้านบาท)

พนันทายผลฟุตบอล

วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ใน ทวีปยุโรป ส่งผลให้ลีกยอดนิยมของนักพนัน ทายผลฟุตบอลชาวไทยอย่างเช่นพรีเมียร์ลีก และลีกดังของยุโรปต้องเลื่อนการแข่งขัน บางครั้งกินเวลานานหลายเดือนกว่าจะเริ่ม ปรับตัวและวางมาตรการรับมือต่างๆ เพื่อให้ สามารถกลับมาแข่งขันในสนามได้ ในช่วง ที่ลีกเหล่านี้งดแข่ง นักพนันฟุตบอลชาวไทย เกือบทั้งหมด (ร้อยละ 98) จำาต้องหยุดเล่น พนันทายผลฟุตบอลไปโดยปริยาย มีจำานวน น้อยมากๆ ที่หันไปเล่นพนันทายผลฟุตบอลลีกอื่นท่ียังเปิดแข่งขัน เช่น ไทยลีก หรือ ฟุตบอลชุมชน และน้อยคนที่เปลี่ยนไปเล่น พนันทายผลกีฬาอื่น เช่น มวย
อย่างไรก็ดี เมื่อสอบถามถึงความรู้สึก ที่ต้องหยุดเล่นพนันในช่วงนั้น นักพนันถึง 1 ใน 5 ระบุว่าตนรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ได้เล่น (ร้อยละ 21.6) เป็นสัดส่วนที่สูงกว่านักพนัน สลากฯหรือหวยใต้ดินที่เกือบทั้งหมดระบุว่า รู้สึกเฉยๆ ที่ต้องงดเล่นพนัน แปลว่า นัก พนันทายผลฟุตบอลมีความรู้สึกเสพติด หมกมุ่นกับการพนันที่ตนเล่นมากกว่าที่เป็น เช่นนั้นอาจเป็นเพราะว่า โดยพื้นฐานแล้ว คนที่เล่นพนันทายผลฟุตบอลส่วนใหญ่เป็น คนที่ชื่นชอบการแข่งขันฟุตบอลหรือเป็น แฟนบอล การดูบอลเป็นกิจกรรมความ

ช่องทางหลักทางใช้เล่นพนัน ทายผลฟุติบอลยังคง
เป็นการเล่นกับคน คือ
ร้อยละ 60.7 เล่นกับ
คนรับแทง/คนเดินโพย
ร้อยละ 29.3 เล่นกับ
โติ๊ะบอลโดยติรง
ว่งเงินพนันหมุนเวียน
ผ่านสำองช่องทางนี้
มีมากถึง 156,894 ล้านบาท
ขณะที่วงเงินที่ใช้เล่นพนัน ผ่านช่องทางออนไลน์และใหม่ร่วมกันที่ 24,274 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ของเงินพนันหมุนเวียน
ในติลาดพนันทายผลฟุติบอล ปี 2564

บันเทิงที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้แก่ พวกเขาอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อเล่นพนัน ทายผลฟุตบอลไปด้วย ยิ่งทำาให้เกิดแรง กระตุ้นให้ความรู้สึกเหล่านั้นรุนแรงขึ้น ลักษณะพิเศษนี้น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผล ให้การพนันทายผลฟุตบอลเป็นการพนันที่มี วงเงินหมุนเวียนในตลาดสูงเป็นอันดับหนึ่ง
แม้จำานวนนักพนันจะรั้งอยู่ในอันดับท่ี 4 (รองจากพนันสลากฯ หวยใต้ดิน และพนัน ไพ่) โดยมีคนไทยเล่นพนันทายผลฟุตบอล ในปี 2564 ประมาณ 3.831 ล้านคน แต่ ก็ยังเพิ่มข้ึนถึงร้อยละ 10.6 จากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น 0.367 ล้านคน ใน จำานวนน้ี ส่วนใหญ่เป็นนักพนันหน้าใหม่ ที่เริ่มเล่นพนันทายผลฟุตบอลเป็นครั้งแรก (0.221 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของ จำานวนนักพนันที่เพิ่มขึ้น) ถือว่าเป็นการพนัน ที่มีสัดส่วนนักพนันหน้าใหม่สูงที่สุด (การ พนันอื่นๆ มีสัดส่วนนักพนันหน้าใหม่เฉลี่ย ประมาณร้อยละ 20 ของจำานวนนักพนัน ที่เพิ่มขึ้น)
ผู้ชายนิยมเล่นพนันทายผลฟุตบอล มากกว่าผู้หญิงหลายเท่า (3.176 ล้านคน และ 0.655 ล้านคน ตามลำาดับ) แต่นักพนันเพศหญิงขยายตัวเพิ่มจากปี 2562 มาก ถึงร้อยละ 51.9 ขณะท่ีเพศชายขยายตัว เพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 4.8 เมื่อจำาแนกตาม ช่วงอายุ พบว่า ความนิยมเล่นพนันทาย ผลฟุตบอลยังกระจายตัวอยู่ในกลุ่มคนวัย ทำางานและกลุ่มเยาวชนเป็นหลัก มากที่สุด ในช่วงอายุ 30 – 39 ปี มีจำานวน 1.006 ล้าน คน รองลงมาคือกลุ่มเยาวชนอายุ 19 – 25 ปี 0.740 ล้านคน ตามด้วยคนอายุ 40 – 49 ปี 0.699 ล้านคน อายุ 26 – 29 ปี 0.631 ล้าน คน อายุ 50 – 59 ปี 0.413 ล้านคน และ ผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป 0.114 ล้านคน ทั้งนี้ มีเด็กอายุ 15 – 18 ปี จำานวน 0.228 ล้านคน เล่นพนันทายผลฟุตบอลในปี 2564 แม้จะ เป็นจำานวนไม่มาก แต่กลับขยายตัวเพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ 29.5 เมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน ที่เล่นพนันทายผลฟุตบอลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ช่องทางหลักที่ใช้เล่นพนันทายผลฟุตบอล ยังคงเป็นการเล่นกับคน คือ คนรับแทง/คน เดินโพย (ร้อยละ 60.7) และเล่นกับโต๊ะบอล โดยตรง (ร้อยละ 29.3) แต่จำานวนไม่น้อย เล่นแบบออนไลน์บนเว็บไซต์/แอพพนัน (ร้อยละ 18.5) มีส่วนหน่ึงเล่นผ่านช่องทาง สื่อสารสมัยใหม่ เช่น ไลน์/แอพแชทต่างๆ (ร้อยละ 11.6) หรือเฟซบุ๊ก/โซเชียลมีเดีย ต่างๆ (ร้อยละ 0.8) มีบ้างที่เล่นพนันกันเอง กับเพื่อนหรือคนรู้จัก (ร้อยละ 4.5) ซึ่งเป็น ไปได้ที่คนหนึ่งจะใช้มากกว่าหนึ่งช่องทาง สำาหรับรูปแบบการเล่นส่วนใหญ่ยังนิยลงพนันก่อนเริ่มการแข่งขัน (ร้อยละ 82.7) แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่เล่นพนันระหว่างเกมการ แข่งขันร่วมกันไปด้วย (ร้อยละ 15.5) นอกจากน้ี สื่อมวลชนก็มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างมากกับการพนันทายผลฟุตบอล โดย นักพนันร้อยละ 82.9 ระบุว่าใช้ข้อมูลจาก สื่อหลากหลายอย่างมาประกอบการตัดสินใจ เล่นพนัน มากที่สุดคือ จากหนังสือพิมพ วิเคราะห์อัตราต่อรอง (ร้อยละ 50.2) และที่เพิ่มขึ้นมากอย่างน่าสนใจคือ การใช้ ข้อมูลการวิเคราะห์เกมผ่านโซเชียลมีเดีย หรือไลฟ์สดจากคอลัมนิสต์กีฬา/เซียนบอล ต่างๆ (ร้อยละ 42.4) ที่ใกล้เคียงกันคือ ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์กีฬา และเว็บไซต์ (ร้อยละ 41.7 และร้อยละ 41.4) ประมาณการวงเงินหมุนเวียนในตลาด การพนันทายผลฟุตบอลเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึงร้อยละ 12.8 (เพิ่มขึ้น 20,626 ล้านบาท) มาอยู่ที่ 181,168 ล้านบาทในปี 2564 เป็น การพนันที่มีวงเงินหมุนเวียนใหญ่โตเป็น อันดับหนึ่ง แม้จำานวนคนเล่นจะไม่มากเท่า การพนันยอดนิยมประเภทอื่น แต่นักพนัน ทายผลฟุตบอลมีความเข้มข้นในจำานวนเงิน เดิมพันและความถี่ของการเล่น
หากเราจำาแนกวงเงินหมุนเวียนตาม ช่องทางท่ีใช้เล่น พบว่า นักพนันใช้เงิน เล่นพนันผ่านทางโต๊ะบอล คนรับแทง คน เดินโพย ในจำานวนเงินที่มากกว่าและเล่น บ่อยกว่าช่องทางอื่นๆ กล่าวคือ ใช้เงินเฉลี่ย 625 บาทต่อสัปดาห์ ช่วงไหนที่เล่นหนักจะ ใช้เงินสูงสุดเฉลี่ย 1,156 บาทต่อสัปดาห์ โดยเดือนๆ หนึ่งเล่นพนันผ่านช่องทางน้ี เฉลี่ย 8 ครั้งต่อเดือน คนที่เล่นบ่อยที่สุด พบว่าเล่นถึง 30 คร้ังต่อเดือนเลยทีเดียว ทำาให้วงเงินพนันที่หมุนเวียนผ่านช่องทางน้ี มีมากถึง 156,894 ล้านบาท
ขณะที่การเล่นพนันแบบออนไลน์ผ่าน เว็บไซต์/แอพพนันโดยตรง นักพนันใช้เงิน เฉลี่ย 550 บาทต่อสัปดาห์ ช่วงที่เล่นหนัก จะใช้เงินสูงสุดเฉลี่ย 1,014 บาทต่อสัปดาห์ ความถี่ของการพนันฟุตบอลออนไลน์เฉลี่ย อยู่ที่ 4 ครั้งต่อเดือน คนที่เล่นบ่อยที่สุด พบว่าเล่นถึง 20 ครั้งต่อเดือน สำาหรับการ เล่นพนันผ่านช่องทางสื่อสารสมัยใหม่ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก แอพแชท และโซเชียลมีเดีย ต่างๆ มีเงินพนันเฉลี่ยท่ี 333 บาทต่อสัปดาห์ สูงสุดเฉลี่ย 508 บาทต่อสัปดาห์ เดือนหนึ่ง เล่นเฉลี่ยประมาณ 4 ครั้ง และสูงสุดท่ี 10 ครั้งต่อเดือน ประมาณการวงเงินที่ใช้เล่น พนันทายผลฟุตบอลผ่านช่องทางออนไลน์ และส่ือสมัยใหม่รวมกันได้ 24,274 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ของเงินหมุนเวียนในตลาด พนันทายฟุตบอลปี 2564

พนันในบ่อนออนไลน์ หรือการพนันออนไลน์

สวนทางกับการพนันในบ่อนแบบมีที่ตั้ง ที่หดตัวลง การแพร่ระบาดของเชื้อโรค โควิด-19 และการเว้นระยะห่างทางสังคม เป็นดังเชื้อไฟและกระแสลมที่โหมกระพือ พัดพาให้การพนันในบ่อนออนไลน์ขยายตัว พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จำนวนนักพนัน บ่อนออนไลน์ ปี 2564 มีมากถึง 1.947 ล้าน คน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึงร้อยละ 135.8 หรือเพิ่มประมาณ 1.121 ล้านคน และวงเงิน หมุนเวียนในตลาดพนันบ่อนออนไลน์ก็มีการ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 431.3 หรือเพิ่มขึ้น 86,926 ล้านบาท มาอยู่ท่ี 107,078 ล้านบาท นับเป็นประเภทการพนันที่มีการขยายตัว สูงที่สุดในปี 2564 ทั้งในด้านจำนวนนักพนัน และวงเงินหมุนเวียนรวม
เหตุผลท่ีนักพนันเลือกเล่นพนันกับบ่อน ออนไลน์ พิจารณาได้จากหลายมิติประกอบ กัน การที่ในปัจจุบันสาธารณูปโภคพื้นฐาน สำาหรับการเล่นพนันออนไลน์ เช่น อุปกรณ์/ เครื่องมือสื่อสาร การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และแพลตฟอร์มการทำาธุรกรรมออนไลน์ มีความแพร่หลายเป็นอย่างมาก การเข้าไป เล่นพนันออนไลน์จึงมีความ ‘ง่าย’ มากขึ้น กว่ายุคก่อนๆ นักพนันส่วนใหญ่ระบุว่าเล่น พนันออนไลน์เพราะ ‘สะดวก ง่าย เล่นได้ ทุกที่ทุกเวลา’ (ร้อยละ 92.4) ขณะเดียวกันก็ ‘ฝาก-ถอนเงินจากระบบได้อย่างรวดเร็ว’ (ร้อยละ 39.6) ในอีกด้านหนึ่ง เหตุผลท่ี ว่า ‘ช่วงโควิดระบาด บ่อนแบบมีที่ตั้งโดน ปิด/เดินทางไปเล่นไม่ได้’ (ร้อยละ 19.6) ยิ่ง ขับเน้นความง่ายของการเล่นพนันออนไลน์ ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
นอกจากน้ี ธุรกิจพนันเองก็พยายาม สร้างแรง ‘จูงใจ’ ให้คนหันมาเล่นพนันกับ บ่อนออนไลน์มากขึ้น ดูได้จากเหตุผลที่คน เล่นพนันออนไลน์เพราะ ‘มีรูปแบบการแทง พนันที่หลากหลาย’ (ร้อยละ 45.6) และ ‘โปรโมชั่นจูงใจ’ (ร้อยละ 36) เป็นเหตุผล ท่ีนักพนันระบุในสัดส่วนที่มากข้ึนกว่าปี 2562 นักพนันส่วนหนึ่งยังระบุว่าเป็นเพราะ พนันออนไลน์ ‘ให้รางวัลสูง/ให้ราคาดีกว่า บ่อนหรือโต๊ะพนันทั่วไป’ (ร้อยละ 26.8) และ ‘ให้เครดิตวงเงินเล่นก่อน’ (ร้อยละ 11.2) เหล่านี้สะท้อนว่าธุรกิจพนันออนไลน์มีพัฒนา- การทางการตลาดในรูปแบบต่างๆ เพื่อจูงใจ ให้คนเข้าสู่วงจรการพนันออนไลน์ นอกจาก นี้ สภาพแวดล้อมการพนันที่รายล้อมคน ไทยก็มีผลให้เกิดแรง ‘กระตุ้น’ ให้คนหันมา เล่นพนันออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยนักพนัน ส่วนหนึ่งระบุว่าเล่นพนันเพราะ ‘เพื่อนชวน’ (ร้อยละ 38) และ ‘เห็นโฆษณาเลยตามไป เล่น’ (ร้อยละ 14) ความ ‘น่าเชื่อถือ’ กลายเป็นอีกเหตุผล หนึ่งที่ทำาให้คนหันมาเล่นพนันกับบ่อน ออนไลน์ ในปัจจุบัน นักพนันส่วนหนึ่งมี ความเชื่อมั่นว่า ข้อมูลการเล่นพนันของตน จะได้รับการ ‘ปกปิดเป็นความลับ/มั่นใจว่า จะไม่ถูกจับได้’ (ร้อยละ 34.8) และ ‘มั่นใจ ว่าจะได้เงินครบแน่นอนหากชนะพนัน’ (ร้อยละ 31.6) สะท้อนว่า ภาพลักษณ์ของ ธุรกิจบ่อนออนไลน์เปลี่ยนไปอย่างมาก จากเมื่อก่อนที่คนไม่กล้าเล่นพนันออนไลน์ เพราะกลัวถูกโกงเงิน หรือกลัวถูกจับได้ เพราะหลักฐานการเล่นพนันของตนปรากฏ อยู่ในฐานข้อมูลออนไลน์

Infographic เหตุผลที่ตัดสินใจเล่นพนันออนไลน์

โทรศัพท์มือถือ/สมาร์ทโฟนที่ปัจจุบันเป็น อุปกรณ์ส่วนตัวของทุกคน ได้กลายเป็น ช่องทางหลักที่เชื่อมโยงนักพนันเข้าสู่บ่อน ออนไลน์ ประสิทธิภาพของโทรศัพท์มือถือ และสัญญาณโทรคมนาคมที่ดีขึ้นช่วยให้ เกิดรูปแบบการเล่นพนันออนไลน์ที่มีความ หลากหลาย นักพนันส่วนหนึ่งนิยมเล่นพนัน กับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ร้อยละ 46.4) ผ่านทางหน้าเว็บพนันหรือแอพพนัน ให้ บรรยากาศเหมือนกำาลังเล่นพนันอยู่คนเดียว ในบ่อนคาสิโน นักพนันบางส่วนนิยม เล่น กับคนรับแทงพนันแบบไลฟ์สด (ร้อยละ 14.8) ซึ่งให้บรรยากาศเหมือนกำาลังนั่งร่วม โต๊ะพนันอยู่กับคนอื่นๆ ในบ่อนคาสิโน ทั้งนี้ มีนักพนันจำานวนไม่น้อยท่ีเล่นพนันกับบ่อน ออนไลน์ในทั้งสองรูปแบบ (ร้อยละ 36.8)
บาคาร่า/ป๊อกเด้ง เป็นประเภทการพนัน ยอดนิยมอันดับหนึ่งในบ่อนออนไลน์ (นัก พนันร้อยละ 78.8 ระบุว่าเล่นพนันประเภทนี้) นำาห่างอันดับที่สองคือ สล็อตแมชชีน/เกม (ร้อยละ 36.8) อยู่พอสมควร ถัดมาคือ ไฮโล/โปปั่น/นำ้าเต้าปูปลา (ร้อยละ 20.8) เกมไพ่อื่นๆ เช่น ผสมสิบ (ร้อยละ 16.4) เสือมังกร (ร้อยละ 11.6) รูเล็ต (ร้อยละ 9.6) โป๊กเกอร์ (ร้อยละ 9.2) และเกมพนันอ่ืนๆ อาทิ กำาถั่ว ยิงปลา อีสปอร์ต (ร้อยละ 9.2) โดยคนหนึ่งอาจจะเล่นพนันได้มากกว่าหนึ่ง ประเภท ออนไลน์ พบว่า นักพนันเล่นหนักข้ึนอย่าง ชัดเจน โดยจำานวนเงินที่ใช้เล่นพนันออนไลน์ ในปี 2564 เฉลี่ย 451 บาทต่อครั้ง ช่วงที่ เล่นหนักๆ จะใช้เงินสูงสุดเฉลี่ย 927 บาท ต่อครั้ง (ในช่วงปี 2562 นักพนันใช้เงินเฉลี่ย 345 บาทต่อครั้ง และสูงสุดเฉลี่ย 770 บาท ต่อครั้ง) ขณะเดียวกัน ความถี่ของการเข้า บ่อนออนไลน์ก็สูงขึ้นเท่าตัว เฉลี่ย 11 ครั้ง ต่อเดือน (เทียบกับปี 2562 มีค่าเฉลี่ย 5 ครั้ง ต่อเดือน) เมื่อพิจารณาร่วมกับจำานวน นักพนันในบ่อนออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จึงทำาให้วงเงินหมุนเวียนของตลาดพนัน ในบ่อนออนไลน์ในปี 2564 อยู่ที่ 107,078 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า
ทิศทางการขยายตัวของการพนันใน บ่อนออนไลน์เป็นสิ่งที่ต้องจับตามองต่อไป การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ยังไม่มี แนวโน้มหยุดลงในขวบปีน้ี ขณะที่ผู้คน เริ่มปรับตัวสู่วิถีชีวิตปกติ โดยผนวกเอา พฤติกรรมใหม่ๆ ที่สั่งสมการปรับเปลี่ยนใน ช่วงท่ีผ่านมา พื้นที่ของการพนันที่โดยรวม แล้ว แทบจะไม่ลดลงเลย แต่กลับขยายตัว มากขึ้นทั้งในด้านขนาดและความลึก คืบ เข้าสู่พื้นที่ใกล้ตัวเรามากขึ้น ติดตามเรา ไปในทุกหนแห่ง คอยเชื้อเชิญ จูงใจ และ กระตุ้นให้คนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เชื่อมต่อเข้าสู่บ่อนพนันออนไลน์ได้ในทุกขณะ สิ่งที่น่ากังวลคือ ผลกระทบทางลบที่เกิดขึ้น ตามมา

ที่มีของผีพนัน

‘ผีพนัน’ เป็นคำาท่ีคนท่ัวไปใช้เรียกปรากฏ- การณ์ที่คนคนหนึ่งเล่นพนันจนลำ้าเส้น มี เส้นแบ่งบางๆ อยู่ในความรู้สึกของคนไทย เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เล่นการพนันจะถูก ‘ผี พนัน’ เข้าสิง ถ้าหากพวกเขายังคงเล่นพนัน เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เล่นแบบขำาๆ (Recreational gambling) หรือเล่นเพื่อ การสังสรรค์เข้าสังคม (Social gambling) โดยส่วนใหญ่เป็นการพนันที่เล่นกันเองกับ เพื่อนหรือคนรู้จัก เป็นกิจกรรมฆ่าเวลาที่ให้ ความสนุกเพลิดเพลิน เสริมความสัมพันธ์ สร้างความสนิทสนม
จนกระทั่งเมื่อธุรกิจการพนันเริ่มเข้ามา เกี่ยวข้อง ผลกำาไรที่ธุรกิจเหล่านี้เสาะแสวงหา ย่อมต้องมาพร้อมกับแรงกระตุ้นให้คนตื่นตัว เล่นพนันมากขึ้น เริ่มด้วยการล่อลวงให้เชื่อว่า ตนสามารถชนะพนันได้ไม่ยาก เมื่อเชื่อ เช่นนั้นก็จะเร่ิมลงเงินเดิมพันหนักขึ้นๆ นำาพา คนเหล่าน้ันถลำาตัวเข้าสู่การพนันลึกข้ึนๆ จนกระทั่งวงจรการพนันมาบรรจบครบรอบ ตอนที่คนเหล่านั้นเสียพนัน แล้วพยายาม จะกลับไปเล่นซำ้าเพื่อให้ได้เงินที่เสียไปคืนมา จากคนที่เคยเชื่อว่าตนเดินนำา กลายเป็น คนท่ีคอยเดินตาม พวกเขาได้ถูกชักนำาให้ ก้าวลำ้าเส้นไปสู่การเป็นนักพนันที่ไม่สามารถ ควบคุมตนเองได้ (Compulsive gambler) พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป ราวกับถูก ‘ผีพนัน’ เข้าสิง คอยกระซิบยุยงให้เล่นพนันต่อไป อย่าได้หยุด คอยชี้ช่องทางให้หาเงินมา เล่นพนัน ไม่ว่าหนทางนั้นจะนำาไปสู่ปัญหา ที่จะตามมามากมายแค่ไหน ดังนั้น ที่ใคร หลายคนเชื่อว่า “ ‘ผีพนัน’ เป็นผลมาจากความ อ่อนแอ ความล้มเหลวส่วนบุคคลของคน ผู้นั้น” จึงไม่ใช่ความเชื่อที่ถูกต้องไปเสีย ทีเดียว สังคมที่ปล่อยให้ธุรกิจการพนันเข้ามา แสวงหาผลประโยชน์กับผู้คน ก็ต้องมีส่วน รับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดจากการพนันด้วย
คนไทยที่เล่นพนันในปี 2564 ถึงร้อยละ 15.1 หรือคิดเป็นจำานวน 4.882 ล้านคน ระบุ ว่าตนประสบปัญหาหรือได้รับผลกระทบทาง ลบจากการเล่นพนันอย่างน้อยหนึ่งอย่าง นักพนันกลุ่มน้ีส่วนใหญ่ประสบ ปัญหา ทางการเงินและหนี้พนัน เช่น ขาดเงินใช้จ่าย ในชีวิตประจำาวัน (ร้อยละ 60.7) มีหนี้สิน ที่เกิดจากการเล่นพนัน (ร้อยละ 23.9) ต้อง ขายทรัพย์สินหรือสิ่งมีค่าเพื่อเล่นพนัน/ ใช้หนี้ (ร้อยละ 11.8) หรือ เลือกที่จะทำา สิ่งผิดกฎหมายเพื่อนำาเงินเป็นทุนเล่นพนัน (ร้อยละ 1.1) บางคนถูกเจ้าหนี้ข่มขู่ ทำาร้าย ร่างกาย (ร้อยละ 0.8)
นอกจากน้ี ยังมี ปัญหาด้านสุขภาพและ การใช้ชีวิตประจำวัน โดยคนกลุ่มนี้เกือบครึ่ง มีปัญหาความเครียด/เสียสุขภาพจิต (ร้อยละ 45.4) ส่วนหนึ่งสุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม (ร้อยละ 16.6) ความหมกมุ่นยังส่งผลต่อการ บริหารเวลาในชีวิต เสียเวลาที่จะใช้ทำางาน หรือเรียนหนังสือไปกับการพนัน (ร้อยละ 22.9) จากพฤติกรรมส่วนตัว เริ่มลุกลามไป สู่คนรอบข้าง เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ และภาพลักษณ์ทางสังคมตามมา เกิด ความขัดแย้ง มีปากเสียง ทะเลาะกับคน ในครอบครัว (ร้อยละ 15.9) บางส่วนต้อง ตัดขาดความสัมพันธ์ เสียเพื่อน ตัดญาติ ตัดขาดคนในครอบครัว (ร้อยละ 8.4) บางคน ไปถึงขั้นครอบครัวหย่าร้าง (ร้อยละ 0.5) เมื่อข่าวเก่ียวกับการเล่นพนันจนเกินขอบเขต แพร่สะพัดออกไปในชุมชน ทำาให้ได้รับความ อับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง (ร้อยละ 6.4)
จากปัญหาหนึ่งนำาพาไปสู่ปัญหาอื่นๆ จาก คนที่เล่นพนันลามไปสู่คนรอบข้างที่ไม่ได้เล่น ผลกระทบจากการพนันจึงกระจายตัวออกไป ในสังคม หนี้สินท่ีเกิดจากการพนัน เป็นตัว ชี้วัดหน่ึงท่ีเราใช้ระบุถึงผลกระทบทางลบจาก การเล่นพนันจนลำเส้น ประมาณการได้ว่า ในปี 2564 มีนักพนัน 1.127 ล้านคน มี หนี้สินจากการพนันประมาณ 15,307 ล้าน บาท เฉลี่ยคนละ 13,579 บาท (หนี้พนัน จำานวนมากสุดที่มีคนเปิดเผยข้อมูลให้แก่ การสำารวจครั้งนี้ คือ 100,000 บาท)

ความรุนแรงของปัญหาติดการพนันและการเล่นพนันที่มีปัญหา ในกลุ่มคนไทยที่เล่นการพนันในปี 2564 จำแนกตามประเภทการพนัน

เมื่อจำาแนกความรุนแรงของการเล่นการ พนันที่เป็นปัญหาตามประเภทการพนันที่เล่น ข้อมูลที่ได้ค่อนข้างสอดคล้องกับระดับความ รุนแรงของภาวะติดการพนัน กล่าวคือ พนันใน บ่อนออนไลน์ มีสัดส่วนนักพนันที่มีปัญหาสูง ที่สุดถึงร้อยละ 37.1 ของคนที่เล่นพนันบ่อน ออนไลน์ (คิดเป็นนักพนันที่มีปัญหาจำานวน 0.722 ล้านคน) รองลงมาคือ การพนัน หวยอื่นๆ มีอยู่ร้อยละ 35.6 (0.480 ล้านคน) ตามมาด้วย การพนันพื้นบ้าน ร้อยละ 35.1 (0.598 ล้านคน) พนันทายผลฟุตบอล ร้อยละ 33.5 (1.284 ล้านคน) และพนันใน บ่อนแบบมีที่ตั้ง ร้อยละ 31.3 (1.308 ล้าน คน) ขณะที่การพนันที่มีผู้เล่นสูงอย่าง หวยใต้ดินและสลากกินแบ่งรัฐบาลมีสัดส่วน นักพนันที่มีปัญหาตำ่าที่สุด คือร้อยละ 12.9 (2.480 ล้านคน) และร้อยละ 10.5 (2.594 ล้านคน) ตามลำาดับ
ผลจากการสำารวจข้างต้นสะท้อนให้เห็น ลักษณะความรุนแรงของปัญหาจากการพนัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะติดการพนันและการเล่น พนันแบบที่เป็นปัญหาได้ในหลายแง่มุม


ประการแรก นักพนันที่เล่นกับบ่อน ออนไลน์มีแนวโน้มจะประสบปัญหาจากการ เล่นพนันสูงกว่านักพนันในบ่อนแบบมีท่ีต้ัง น่าจะเป็นเพราะความสะดวก หลากหลาย เล่นง่าย จ่ายคล่อง เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ทำาให้การพนันกับบ่อนออนไลน์ปรากฏติดตามติดตามนักพนันไปได้ทุกท่ี ส่งผลอย่างยิ่ง ต่อการสั่งสมพฤติกรรมการเล่นพนันที่ค่อยๆ ลำ้าเส้น ได้ง่ายกว่าบ่อนแบบมีที่ตั้ง ซึ่งต้อง จัดสรรเวลา แสวงหาสถานที่เล่น (แต่ถึง กระนั้นการพนันในบ่อนแบบมีที่ตั้งก็ยังสร้าง ผลกระทบต่อนักพนันในระดับที่รุนแรงอยู่ พอสมควร)


ประการที่สอง นักพนันที่เล่นพนันหวย อื่นๆ เช่น หวยต่างประเทศ หวยหุ้น หวย ปิงปองหรือจับยี่กี มีแนวโน้มจะประสบ ปัญหาจากการพนันมากกว่าการพนันหวย ใต้ดินและหวยรัฐบาล อาจเป็นเพราะหวย ทั้งสองอย่างหลังมีความถี่ในการเล่นเพียง 2 ครั้งต่อเดือน ขณะที่หวยอื่นๆ มีความ

ผู้ที่สนใจข้อมูลรายการพนันออนไลน์ในประเทศไทยล่าสุด สามารถดาวโหลด PDF ฉบับเต็มได้ที่ตาม link นี้
https://www.gamblingstudy-th.org/document_book/173/1/2/cgs-report-2022

5/5 - (4 votes)